นิทาน : สงครามเทพกับมาร
*********************
ในอดีตกาล ๒ พญานาค เป็นเพื่อนสนิทกันมีอะไรก็แบ่งกันกินเท่าๆกัน พญานาก ศ. ได้ช้างมา๑ ตัวก็แบ่งเนื้อช้างให้เพื่อนคือ พญานาค ส.ครึ่งหนึ่ง เมื่อพญานาค ส. ได้เม่นมา๑ ตัวก็แบ่งให้พญานาค ศ. ครึ่งหนึ่งเช่นกัน แต่เมื่อพญานาค ศ. เห็นดังนั้นก็โกรธเพื่อนหาว่าเพื่อนเอาเปรียบเพราะเห็นขนเม่นตั้งใหญ่น่าจะมีเนื้อมากแต่ให้มานิดเดียว ทีตนให้เนื้อช้างที่มีขนเส้นเล็กนิดเดียวแต่ให้เนื้อไปกินตั้งเยอะ เมื่อคิดดังนั้นก็ไปด่าเพื่อนแล้วก็ทะเลาะกัน จึงโกรธและผูกอาฆาตกันแล้วก็ต่อสู้กันไม่แพ้ไม่ชนะจนบาดเจ็บและเหนื่อยล้าทั้งสองฝ่ายจึงหย่าศึก แล้วก็แตกแยกและขาดความเป็นเพื่อนกัน จึงแยกกันอยู่คนละเขตคนละฝั่งห้ามรุกรานและเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
ในอดีตชาติชาติหนึ่งหลังจากนั้นมา พญานาค ส. ได้เกิดเป็นกษัตริย์เมืองมนุษย์มีธิดาแสนสวยเลื่องลือไปทั้ง๓ ภพ ซึ่งลูกชายพญานาค ศ. แปลงกายเป็นกระรอกเผือกจากเมืองบาดาลเพื่อมายลโฉมธิดากษัตริย์เมืองมนุษย์ พระธิดาเห็นกระรอกน่ารักก็อยากได้ จึงให้นายพรานไปจับมา แต่จับอย่างไรก็จับไม่ได้จึงใช้หน้าไม้ยิงถูกกระรอกตาย กระรอกนั้นได้อธิษฐานให้ร่างของตนใหญ่ขึ้นและมีเนื้อมากพอที่จะแจกให้มนุษย์กินได้ทั้งเมือง และได้สั่งเสียพวกนาคบริวารที่มาด้วยกันให้ไปแจ้งข่าวให้พ่อพญานาคของตนทราบด้วย ซึ่งเนื้อกระรอกนั้นเมื่อแล่ออกมาก็มีปริมาณมากมายและมีกลิ่นหอมอร่อยน่ารับประทาน แม่ครัวก็ได้ทำอาหารไปให้ธิดาแสนสวยเสวยด้วย
ครั้นพญานาค ศ. ผู้เป็นบิดาของกระรอกเผือกแปลงกายนั้นทราบ ก็โกรธอย่างมาก (ซ้ำแผลเก่า) ก็เลยสั่งบริวารจากเมืองบาดาลไปถล่มเมืองมนุษย์ให้ล่มจมบัดเดี๋ยวนี้ และใครที่กินเนื้อของลูกชายของข้าจงฆ่ามันให้หมดจงอย่าไว้ชีวิตพวกมัน
และแล้วเมืองมนุษย์นั้นก็ล่มจมกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่และชาวเมืองล้มตายกันหมดสิ้นด้วยอิทธิฤทธิ์ของพวกพญานาค ไม่เว้นแม้แต่กษัตริย์และพระมเหสีพร้อมทั้งพระธิดาแสนสวยซึ่งเสวยเนื้อพญานาคหนุ่มนั้นกับราษฎรด้วย จะรอดก็แต่แม่หม้ายที่เขารังเกียจไม่แบ่งให้กิน และพระเอกซึ่งเป็นแฟนของพระธิดาที่สังหรณ์ใจจึงไม่กิน และได้พยายามสุดชีวิตที่จะพาภรรยาขี่ม้าหนีไปให้พ้นจากการทำลายและทำร้ายของพวกพญานาคเหล่านั้น แต่ก็ไปไม่รอด นางได้ถูกพญานาคใช้หางตวัดตกจากหลังม้าและถูกดึงจมหายไปสู่นาคภิภพทันที พระเอกโศกเศร้าเสียใจมากที่ภรรยาจมหายไปต่อหน้าต่อตาโดยช่วยเหลือนางไม่ได้ แล้วพระองค์ก็ตรอมใจตายเพราะคิดถึงและสงสารภรรยานั้นเอง
เมื่อพระเอกตายไปเป็นผีแล้วนั้น ด้วยความโกรธแค้น อาฆาตและพยาบาทพวกพญานาคเมืองบาดาล จึงรวบรวมและนำกองทัพผีเมืองมนุษย์ ไปบุกทำลายพวกพญานาคเมืองบาดาลและตามหาแฟนที่พญานาคนำมาไว้ยังเมืองบาดาล พวกพญานาคแตกตื่นตกใจและเข้าต่อสู้กับผีเมืองมนุษย์อย่างสามารถ แต่ก็สู้ไม่ไหวจึงต้องไปขอร้องพระอินทร์ให้มาช่วยหย่าศึก ไม่งั้นเมืองบาดาลและเหล่านาคสูญพันธุ์แน่ๆ เมื่อผู้ใหญ่ขอร้องและให้เหตุผลทุกฝ่ายก็อโหสิกรรมและเลิกรากันไป
ครั้นวนเวียนตายเกิดในสังสารวัฏไม่รู้จบรู้สิ้นนี้ ก็ได้เกิดมาพบกันอีกในเมืองมนุษย์ ในประเทศหนึ่งบนโลกใบนี้ โดยพญานาค ส.ได้เป็นใหญ่เป็นประธานปกครองเมืองโดยธรรมอย่างมีความสุข ฝ่ายพญานาค ศ. และลูกชายนั้นก็มาเกิดเป็นมนุษย์ในเมืองที่พญานาค ส. เป็นประธานอยู่นั้นด้วยเช่นกัน ด้วยความโลภและความอิจฉาริษยา จึงอยากได้สมบัติและขึ้นเป็นใหญ่เป็นประมุขและเป็นประธานทั้งฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายศาสนจักรแทนพญานาค ส. และบริวารของพญานาค ส. จึงได้วางแผนอย่างแยบยลและเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อบั่นทอนและทำลายบ้านเมืองนั้น โดยการล้างสมองและมอมเมาชาวบ้านชาวเมืองต่างๆนาๆ และสะสมเงินทองตลอดจนข้าทาสบริวารไว้เป็นพวกของตนอย่างมากมาย และเมื่อความทราบถึงประธานเมืองและอำมาตย์เสนาที่จงรักภักดี ก็เลยลงโทษยึดอำนาจและยึดทรัพย์ แต่ท่านประธานเมืองมีเมตตาจึงปล่อยให้หนีออกจากเมืองไป แต่ไม่สำนึก จึงร่วมกับลูกน้องบริวารทั้งฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายศาสนจักรที่ถูกซื้อไว้เป็นบริวารแล้วนั้น ร่วมหัวกันล้างสมองชาวบ้านและซื้อเสียงอย่างมโหฬารพร้อมทั้งด่าว่าประธานเมืองและลูกหลานพร้อมทั้งเหล่าเสนาอำมาตย์ที่จงรักภักดีว่าเป็นคนไม่ดีต่างนาๆ หวังเข้าครอบครองเมืองนั้นแทน ซึ่งย้อนความแค้นอย่างเดิมว่า ยึดทรัพย์ของข้าได้อย่างไร?(ซึ่งก็เหมือนกินเนื้อลูกของพญานาคได้อย่างไร?) แล้ววิบากกรรมของประเทศนี้ก็ซ้ำรอยและกำลังจะล่มจมเหมือนเดิม
ยกเว้นแต่ว่าชาวเมืองจะหูตาสว่างคิดได้ไม่โง่ และตกเป็นทาสของคนชั่วทั้งในฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายศาสนจักร หรือมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเท่านั้น(นารีขี่ม้าขาวเอาไม่อยู่หรอก!.. เพราะพญามารและเหล่าเสนามารนั้นมีอิทธิฤทธิ์ มีทรัพย์สินเงินทอง และมีอิทธิพลตลอดจนข้าทาสบริวารมากมายเหลือคณานับ)
แล้วมหากาพย์ระหว่างธรรมะและอธรรม หรือเทพกับมาร ก็เริ่มขึ้น!!....................
...เป็นไปตามวัฏจักรและกฎแห่งกรรม...