พระอาจารย์สมชาติ ธัมโชโต :
พระอริยะเจ้าที่พึ่งของเวไนยสัตว์ยุคกึ่งพุทธกาล
******************************
ก. มูลเหตุจูงใจ
เนื่องในวาระพิเศษของชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ในการที่จะได้แสดง ความกตัญญูกตเวทิตาในวาระครบรอบการ ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนกลายมาเป็น พระศาสดาเอกของโลกมนุษย์และจักรวาล ครบ ๒๖ ศตวรรษ หรือครบ ๒,๖๐๐ ปี หรือ พุทธชยันตีในปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ ของประเทศไทยเรานี้ ผู้เขียนใคร่อยากจะส่งเสริมและเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจทั้งหลาย ได้อ่านได้ศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เพื่อเป็น พุทธบูชาและเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาซึ่งถือว่าโชคดีและมีบุญวาสนายิ่งนัก
โดยการเขียนเกร็ดประวัติและธรรมะของพระอริยะเจ้าในยุคปัจจุบันบางรูปที่ผมศรัทธาและให้ความเคารพอย่างสูง อันเนื่องมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า พุทธัง สรณัง คัชฉามิ : พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา ธัมมัง สรณัง คัชฉามิ : พระธรรมเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา และ สังฆัง สรณัง คัชฉามิ : พระสงฆ์เจ้าเป็นที่พึ่งของเรานั้นเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็น พระรัตนตรัยหรือ แก้วอันประเสริฐสามประการที่ทำให้มีพระพุทธศาสนาสืบทอดเป็นที่พึ่งของ เวไนยสัตว์มาจนถึงทุกวันนี้ โดยพระพุทธเจ้าและพระธรรมเจ้านั้นพวกเราชาวพุทธทุกคนต่างก็มีและนับถือเป็นที่พึ่งและเป็นสิ่งที่เหมือนกันทุกคน แต่พระสงฆ์เจ้านั้นมีมากมายหลายรูปตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงกึ่งพุทธกาลและจนมาถึง ๒๖ ศตวรรษนี้ ก็เกิดมีมามากมายหลายรูปด้วยกัน ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้ทำหน้าที่เป็น พุทธสาวก และเป็น พุทธทาสสืบทอดต่อกันมา ทำให้เราทั้งหลายที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในยุคนี้ได้พบแก้วอันประเสริฐครบทั้ง ๓ ประการนั้นเอง ซึ่งผู้เขียนได้ศึกษาประวัติและคำสอนตลอดจนปฏิปทาของท่านมาหลายปี ทำให้เกิดความเลื่อมใส อยากจะมีส่วนสนับสนุนและส่งเสริมปณิธานอันยิ่งใหญ่และประเสริฐของท่านให้บรรลุและเป็นที่พึ่งที่แท้จริงให้กับเวไนยสัตว์ในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ โดยพระอริยะเจ้ารูปนั้นท่านก็คือ พระสุนทรธรรมภาณ หรือ พระอาจารย์สมชาติ ธัมโชโตนั้นเอง
ข. ประวัติส่วนตัว(โดยย่อๆ)
ท่านเจ้าคุณพระสุนทรธรรมภาณ (พระอาจารย์สมชาติ ธมฺมโชโต) เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๔ ตรงกับวันเสาร์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีฉลู ณ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดศรัทธาประชากร (วัดเขารวก) บ้านเขารวก ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี และเป็นประธานสงฆ์แห่ง สำนักปฏิบัติแสงธรรมส่องชีวิต ที่ตั้งอยู่ที่ สี่แยกหินกอง ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ครั้นเมื่ออายุได้ ๒๒ ปี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดทองนาปรัง ตำบลบางไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ได้รับนามฉายาว่า ธมฺมโชโต ซึ่งแปลว่า ผู้สว่างด้วยธรรม, ผู้รุ่งเรืองโดยธรรม ต่อมาท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม จนสามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ
ท่านได้สร้างสถานปฏิบัติธรรมและฝึกสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่ พุทธบริษัท๔คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา โดยในปัจจุบันสำนักปฏิบัติแสงธรรมส่องชีวิต มีทั้งหมด ๓ แห่ง ดังนี้
๑. สำนักปฏิบัติแสงธรรมส่องชีวิต
หมู่ ๑ สี่แยกหินกอง ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี ๑๘๒๓๐
โทรศัพท์ ๐๓๖-๓๗๙-๔๒๘, ๐๓๖-๓๐๕-๒๓๙
๒. วัดป่าสว่างวีรวงศ์ (แสงธรรมส่องชีวิต)
บ้านสะพานโดม ต.แก่งโดม อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี ๓๔๑๙๐
โทรศัพท์ ๐๘๑-๖๐๐-๐๘๔๘
๓. สำนักปฏิบัติแสงธรรมส่องชีวิต (สาขาปากช่อง)
บ้านหนองตาแก้ว ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ๓๐๑๓๐
โทรศัพท์ ๐๘๙-๗๗๗-๑๖๒๕
นอกจากนี้ท่านยังมีการงานเผยแผ่พระศาสนา โดย พระอาจารย์สมชาติ ธัมโชโต ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ พระนักเทศน์ พระนักเผยแผ่ และพระผู้เสียสละเพียรอุทิศตนทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา โดยท่านได้เทศน์เผยแผ่ธรรมะทางวิทยุจำนวนหลายสถานี เช่น
สถานี พล.ม. ๒ คลื่น AM ๙๖๓
สถานี ๐๑ มีนบุรี คลื่น AM ๙๔๕
สถานี พล.ม. ๒ (ยานเกราะ) คลื่น AM ๕๔๐
สถานี กรมการพลังงานทหาร (วพท.) คลื่น AM ๗๙๒
สถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสังคม (กทม.) คลื่น FM ๑๐๒.๒๕
สถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสังคม (กทม.) คลื่น FM ๑๐๐.๒๕
สถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสังคม (สระบุรี) คลื่น FM ๑๐๓.๒๕
สถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสังคม (ปากช่อง) คลื่น FM ๙๖.๒๕
สถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสังคม (อุบลฯ) คลื่น FM ๙๔.๗๕
จวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ อีกทั้ง ยังรับเป็นวิทยากรจัดฝึกอบรมตามคำขอของทางราชการ ทั้งข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการฝ่ายปกครอง คณาจารย์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา จากสถาบันการศึกษาต่างๆ คณะศรัทธาญาติโยม และสาธุชนทั่วไป ตลอดจน มีการเผยแผ่ธรรมทางอินเตอร์เน็ต ในเว็บไซต์สำนักปฏิบัติแสงธรรมส่องชีวิต http://www.sangdhamsongchevit.com/ อีกด้วย
ค. เกร็ดธรรมะและความประทับใจ
๑. ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๔๖ ผู้เขียนได้มีความโชคดีพิเศษคือ ได้เจอกับพระอริยะเจ้าไม่รู้ท่านมาจากไหน มาอย่างไรและไปอย่างไรยากที่จะรู้ได้ ซึ่งท่านได้สอนและแนะนำกระผมหลายอย่างและทุกอย่างก็เป็นความจริงตามที่ท่านบอกเมื่อถึงระยะเวลาตามที่ท่านบอกไว้แล้วนั้นเอง ซึ่งมีคำถามๆหนึ่งที่กระผมได้ถามและมีความประสงค์ที่จะฟังธรรมและปฏิบัติธรรมบ้าง โดยที่ถามไปนั้นก็เพราะว่าผมมีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากและอยากปฏิบัติธรรม ซึ่งหากเมื่อท่านแนะนำว่ามีพระอริยะเจ้ารูปนั้นอยู่ไกลแค่ไหนก็จะค้นหาและหาโอกาสไปฟังธรรม ไปกราบไหว้สักการะและไปปฏิบัติธรรมกับท่านด้วยนั้นเอง ซึ่งคำตอบที่ท่านได้ตอบผมมาว่า มีพระรูปหนึ่งอยู่บนเขาแถวๆนั้นแหล่ะ(ปี๒๕๔๖ผมอยู่ที่บ้านภรรยาที่จังหวัดสระบุรี ไม่ไกลจากสำนักฯมากนัก)ท่านสุดยอด!เลย ซึ่งผมก็ได้พิจารณาและค้นหา แต่ก็เห็นว่ายังไม่พบว่ามีสุดยอด!พระอริยะเจ้าที่อยู่ในวัดแถวๆภูเขาใกล้บ้านแต่อย่างใด อันเนื่องมาจากว่าผมยังค้นหาไม่ทั่วถึงก็เป็นได้ และกิตติศัพท์ความมีชื่อเสียงโด่งดังของท่านขณะนั้นยังไม่ครอบคลุมมากนัก แต่หลังจากนั้นมาไม่นานเมื่อผมได้มีโอกาสฟังเทศน์ของท่านทางวิทยุ ได้ค้นคว้าและอ่านประวัติของท่านเพิ่มเติม จึงได้ไปกราบไหว้สักการะท่านที่สำนักฯและที่สำคัญคือได้เข้าร่วมปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐานที่สำนักแสงธรรมส่องชีวิต ที่สระบุรี และได้ปฏิบัติต่อเนื่องมาหลายปีจนถึงปัจจุบัน ทำให้ผมรับรู้ เข้าใจ ยอมรับ และศรัทธาตลอดจนเชื่อมั่นมากว่า ท่านคือพระอริยะเจ้าที่เป็นสุดยอด!พระอริยะเจ้าจริงๆ เป็นที่พึ่งของพระพุทธศาสนาและของเวไนยสัตว์ทั้งหลายจริงๆ
๒. การบำเพ็ญเพียรอย่างหนักเพื่อให้ได้บรรลุธรรมขั้นสูงนั้น ท่านสอนว่าในสมัยที่ท่านเป็นพระภิกษุหนุ่มก็มีความโลดโผนคึกคะนอง โดยท่านได้เข้าไปปฏิบัติธรรมในถ้ำโดยบอกกับลูกศิษย์ว่าจะปฏิบัติขั้นอุกฤษณ์ติดต่อกัน๑๕ วัน มีเพียงน้ำดื่ม๑๕ ลิตรเพียงเท่านั้น โดยท่านปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิและดื่มแค่น้ำเท่านั้น ไม่นอน ไม่ฉันอาหาร ดื่มแต่น้ำ ซึ่งไม่กี่วันน้ำ๑๕ ลิตรก็หมดลง ท่านก็ดื่มน้ำปัสสาวะของท่านแทน ท่านดื่มอยู่ไม่กี่วัน ท่านได้พบว่า เมื่อดื่มเข้าปากไปแล้วมันก็จะไหลออกทางท่อปัสสาวะทันที เนื่องจากว่าน้ำนั้นไม่มีคุณสมบัติและคุณประโยชน์ต่อร่างกายแล้วนั้นเอง จนถึงวันที่๑๖ ลูกศิษย์จึงเข้าไปดู ท่านบอกว่าถ้าลูกศิษย์ไม่เข้าไปท่านคงมรณภาพอย่างแน่นอน นั้นแสดงให้เห็นว่า ท่านมีปณิธานที่ท่านเน้นย้ำและสอนกับลูกศิษย์เสมอว่า ให้บำเพ็ญตน แล้วอุทิศตน ดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าทั้งหลายนั้นได้ทำเป็นแบบอย่าง คือบำเพ็ญตนให้สำเร็จก่อนแล้วก็ค่อยอุทิศตนเผยแพร่พระธรรมและพระวินัยโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายต่อไปนั้นเอง
๓. พระอริยะเจ้าผู้มีบุญบารมีใหญ่และโด่งดังที่สุดแห่งยุคนี้ คือ พระวิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำท่านได้ดั้นด้นเดินธุดงค์มากราบไหว้สักการะบูชาและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ตลอดจนได้ฝึกปฏิบัติธรรมและจำพรรษาร่วมกับพระอาจารย์สมชาติที่สำนักแสงธรรมส่องชีวิต ที่สระบุรีนี้ ๑ พรรษา(อ่านรายละเอียดในประวัติของหลวงปู่เณรคำ)
๔. ผู้เขียนรอดพ้นราวปาฏิหาริย์ในการถูกดักลอบทำร้าย เมื่อช่วง งานสรงน้ำของพระอาจารย์ในวันสงกรานต์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๒ ซึ่งเป็นช่วงที่เหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ในช่วงวุ่นวายและแตกแยกแบ่งขั้วแบ่งสีดังที่ทุกคนทราบกันดี โดยเฉพาะเหตุการณ์ในกรุงเทพฯในช่วงนั้น ที่ผมรอดมาได้ก็โดยการช่วยเหลือของวิญญาณบรรพบุรุษของผมและบุญบารมีของท่านด้วยนั้นเอง แต่ท่านก็ตอบว่าเป็นเพราะวิญญาณของบรรพบุรุษของผมช่วยเท่านั้น(ท่านเมตตาเทศน์ตอบทางไมโครโฟน หลังจากที่ผมถามท่านในใจ)
๕. การที่ท่านสามารถเผยแพร่ธรรมะและช่วยเหลือเวไนยสัตว์ได้มากมาย และเป็นที่พึ่งของพระพุทธศาสนาและเวไนยสัตว์ได้อย่างแท้จริงนั้น ท่านเมตตาสอนลูกศิษย์ว่า เพราะมีหลายส่วนช่วยเหลือ ทั้งโลกมนุษย์และสวรรค์ ทั้งที่มองเห็นและที่มองไม่เห็นจึงสำเร็จได้ดังที่ปรากฏอยู่ในทุกวันนี้ และพระอาจารย์ท่านยังได้บอกและเทศน์สอนลูกศิษย์ทั้งหลายว่า ท่านมีปณิธานที่จะเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์และโปรดเวไนยสัตว์ให้มีที่พึ่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ท่านได้พูดออกมาว่า พระแม่ธรณีมาบอกว่าจะช่วยท่านด้วย และที่สำคัญที่สุดท่านได้บอกกับลูกศิษย์ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาโปรดท่านด้วย
...ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม...
สาธุ! สาธุ! สาธุ! อนุโมทามิ!
ง. พุทธสุภาษิต
สมณานญฺจ ทสฺสนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
อ่านว่า : สะมะนานันจะ ทัสสะนัง เอตัมมังคะละมตตะมัง
แปลว่า : การพบเห็นสมณะ(ผู้สงบ) เป็นมงคลอันอุดมของชีวิต
.......................................................
ศิษย์ท่าน/ศิษย์ตถาคต
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕