นิทานพื้นบ้านเรื่อง : กาฬเกด
ในอีตกาลนานมาแล้ว ณ เมือง พาราณสี มีกษัตริย์นามว่า สุริวงษ์ และมเหสีนามว่า กาฬ ปกครองนคร ท้าวสุริวงษ์มี ม้ามณีกาบซึ่งเป็นม้าวิเศษเป็นพาหนะคู่บารมีของพระองค์ ครั้งหนึ่งท้าวสุริวงษ์ได้ลามเหสีและชาวเมืองไปเรียนวิชาอาคมโดยมีม้ามณีกาบเป็นพาหนะ ไปพบกับ พญาครุฑและ ยักษ์กุมภัณฑ์จึงได้เป็นสหายกัน และพระองค์ก็เรียนวิชาศาสตราศิลป์กับพระฤาษีจนสำเร็จแล้วกลับมาครองเมืองต่อไป
เมื่อท้าวสุริวงษ์กลับมาครองเมือง ก็ต้องการจะมีโอรสเอาไว้สืบราชสมบัติแทนพระองค์ ดังนั้นจึงทำพิธีบวงสรวงขอลูกกับท้าวสักกะเทวราช(พระอินทร์) แล้วพระอินทร์ก็ได้ส่งเทพบุตรและเทพธิดาลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อให้เป็นคู่สามีภรรยากัน โดยเทพบุตรองค์หนึ่งมาเกิดในครรภ์ของนางกาฬมเหสีของสุริวงษ์ เมื่อนางกาฬประสูติออกมาเป็นชายให้ชื่อว่า กาฬเกด กาฬเกดกุมารนี้ได้เจริญเติบโตมาเป็นลำดับ ครั้งหนึ่งเข้าไปเล่นในโรงม้าอันเป็นที่อยู่ของม้ามณีกาบ ได้แอบขึ้นขี่ม้ามณีกาบแล้วก็พากาฬเกดกุมารเหาะไปในอากาศออกจากเมืองมุ่งเข้าป่าหิมพานต์
ขณะที่ท้าวกาฬเกดหนีออกจากเมืองนั้นได้พบกับ นางนกสาลิกาคู่หนึ่งจึงให้สั่งความให้กลับไปบอกท้าวสุริวงษ์ด้วยว่าจะออกไปเที่ยวในป่าถึง ๓ ปี แล้วจะกลับมา เมื่อสั่งความเสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปจนเข้าเขตเมือง ผีมนต์ของ ท้าวผีมนต์ซึ่งมีมเหสีชื่อว่า นางมาลีทอง และท้าวกาฬเกดได้พักอยู่นอกเมือง พบกับชาวเมืองที่ออกมาหาฟืนแล้วได้ทราบข่าวว่าท้าวผีมนต์มีลูกสาวสวยชื่อ มาลีจันทร์ จึงพยายามจะไปพบนางในสวนดอกไม้ เมื่อนางมาลีจันทร์มาชมสวนท้าวกาฬเกดจึงเข้าไปหาแล้วชอบพอรักใคร่กัน ดังนั้นตอนกลางคืนท้าวกาฬเกดจึงแอบเข้าไปหานางเป็นเช่นนี้มานาน ต่อมาท้าวผีมนต์สืบได้ความจริงจึงได้ทำ หอกยนต์ดักยิง ขณะที่ท้าวกาฬเกดแอบเข้าไปนั้น พระองค์ได้ถูกหอกยนต์จนตาย แต่ก่อนจะตายท้าวเธอได้สั่งนางมาลีจันทร์ว่าอย่าเผาศพให้เอาใส่แพลอยน้ำไป นางมาลีจันทร์ได้ปฏิบัติตามที่ท้าวกาฬเกดสั่งทุกประการ
ศพของเท้ากาฬเกดลอยไปตามน้ำจนไปถึงอาศรมพระฤาษี แล้วพระฤาษีมาพบเข้าจึง ร่ายมนต์ชุบชีวิตให้ฟื้นขึ้นมา ท้าวกาฬเกดฟื้นขึ้นมาแล้วจึงเรียนศาสตราศิลป์อยู่กับพระฤาษี จนสำเร็จแล้วลาพระฤาษีกลับไปหานางมาลีจันทร์ใหม่ ท้าวผีมนต์ทราบข่าวอีกจึงเกิดการรบกัน ในที่สุดท้าวผีมนต์แพ้จึงยกเมืองและลูกสาวคือนางมาลีจันทร์ให้แก่ท้าวกาฬเกด ทั้งคู่อยู่ที่นั้นไม่นานก็พานางมาลีจันทร์เดินทางกลับบ้านเกิดคือเมืองพาราณสีต่อไปอีก ในการเดินทางนี้ได้พบยักษ์หลายตน เช่น ยักษ์สาระกัน ยักษ์คันธะ และยักษ์ขีนีสาระกาย ต่างต้องการจะให้ท้าวกาฬเกดอยู่ปกครองเมืองของตน แต่ท้าวกาฬเกดยังต้องการเดินทางต่อไป คืนหนึ่งเดินทางมาถึงร่มไม้ใหญ่จึงหยุดนอน ณ ที่นั้นได้มี นางกินรี ๓ ตนซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของพระฤาษีได้มาพบท้าวกาฬเกดเข้าก็หลงรัก ดังนั้นนางทั้ง ๓ จึงอุ้มเอาท้าวกาฬเกดหนีไป เมื่อท้าวกาฬเกดตื่นขึ้นมาพบนางทั้ง 3 จึงอยู่กับนาง ส่วนนางมาลีจันทร์และม้ามณีกาบเมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบท้าวกาฬเกดจึงพากันออกตามหา นางมาลีจันทร์พบกับท้าวอสูรย์ โดยท้าวอสูรย์จึงเอานางมาลีจันทร์ไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ส่วนม้ามณีกาบนั้นได้อยู่กับพระฤาษี
กาฬเกดอยู่กับนางกินรีเป็นเวลา ๓ เดือน เมื่อนางกินรีลงมาปรนนิบัติพระฤาษีและได้ทราบข่าวจากพระฤาษีจึงไปบอกกับเท้ากาฬเกด ท้าวกาฬเกดจึงมาหาม้ามณีกาบแล้วออกตามหานางมาลีจันทร์จนพบกันที่เมืองท้าวอสูรย์ นางกินรีทั้ง ๓ นั้นก็ออกตามหาท้าวกาฬเกดจนมาพบกันที่เมืองท้าวอสูรย์แล้วปรับความเข้าใจกัน แล้วจึงลาท้าวอสูรย์เดินทางต่อไป โดยในระหว่างทางได้พบพญายักษ์หลายตน การะเกดได้รบกับ ยักษ์โขโน และ ยักษ์พานตาวัน เมื่อท้าวเธอเอาชนะแล้วได้สั่งสอนให้ยักษ์ทั้งหลายตั้งอยู่ในศีลในธรรมแล้วเดินทางต่อไป
ขณะนั้นได้มี ยักษ์กุมภัณฑ์ตนหนึ่งมาเห็นนางมาลีจันทร์คิดรักใคร่ จึงลักพาอุ้มเอานางไปขณะที่ทุกคนนอนหลับ เมื่อท้าวกาฬเกดตื่นขึ้นมาไม่พบนางจึงออกติดตามไปถึงเมืองยักษ์แล้วเกิดการต่อสู้กันเป็นเวลานาน ยักษ์กุมภัณฑ์เห็นท่าไม่ดีจึงขอให้ท้าวอสูรย์มาช่วยรบแต่ก็ยังไม่ชนะ จึงร้องขอให้พญาครุฑมาช่วยแต่เมื่อพญาครุฑมาเห็นท้าวกาฬเกดและม้ามณีกาบแล้วก็จำได้ว่าเป็นลูกของสหายของตน จึงให้ทำการประนีประนอมกัน แล้วก็ยกเลิกศึกสงครามต่อกัน เพื่อเป็นการขอโทษต่อท้าวกาฬเกด ยักษ์กุมภัณฑ์จึงยกลูกสาวให้เป็นมเหสีของท้าวกาฬเกด แล้วท้าวกาฬเกดพร้อมมเหสีทั้ง ๕ คนและม้ามณีกาบก็ลากลับเข้าเมืองพาราณสีแล้วได้ครองเมืองแทนพระบิดาในเวลาต่อมา
ต่อมาไม่นานนางกาลีมเหสีคนหนึ่งของท้าวกาฬเกดประสูติโอรสออกมา ได้นามว่า กาลียะสัตถะมาต ได้เป็นที่รักยิ่งของมเหสีทุกคน ต่อมาท้าวกาฬเกดกับนางมาลีจันทร์ก็กลับไปเยี่ยมท้าวผีมนต์และนางมาลีทอง ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี และได้อยู่ที่นั้นพักหนึ่งแล้วก็กลับมาอยู่เมืองพาราณสีดังเดิมจนแก่ชราแล้วก็ตายไป แล้วกาลียะกุมารก็ได้ครองนครพาราณสีสืบต่อมา
กรมศิลปากร ๒๕๓๑ : ๔๔
ขอขอบคุณ http://www.gotoknow.org