นิทาน : ท้าวหงส์หิน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อ เมืองพาราณสี มีกษัตริย์ชื่อ พระยาพาราณสีทรงปกครองบ้านเมืองอย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา พระองค์มีมเหสี ๗ พระองค์ พระองค์ทรงรักและโปรดปรานพระเหสีองค์แรกมาก คือ พระนางวิมาลา พระองค์ไม่มีพระโอรสและพระธิดาเลย จึงทำพิธีบวงสรวงขอลูก โดยให้มเหสีทั้ง๗ ร่วมทำพิธีด้วย แล้วทุกนางก็ตั้งครรภ์ โดยโหรทำนายว่าจะมีพระโพธิสัตว์มาเกิดกับอัครมเหสีด้วย แต่มเหสีองค์อื่นๆก็จะได้บุตรเป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดามาเกิดด้วย พระนางวิมาลาทรงครรภ์ได้ ๑๐ เดือน พระราชาทรงห่วงใยและคอยเอาพระทัยใส่มาก จนทำให้มเหสีองค์อื่นๆอิจฉาริษยาคิดกลั่นแกล้งมเหสีใหญ่ตลอดมา จนกระทั่งมเหสีใหญ่กำเนิดพระโอรส แต่พวกมเหสีทั้งหกก็ได้นำลูกสุนัขมาเปลี่ยนแทนและช่วยกันยุแหย่ว่าพระนางและโอรสเป็นกาลกิณี พระราชาจึงขับไล่มเหสีใหญ่ออกนอกเมือง และมเหสีทั้งหกได้นำพระโอรสไปลอยแพตามแม่น้ำไป ฝ่ายพระมเหสีต้องเดินทางร่อนเร่ไปขออาศัยอยู่กับตายายที่กระท่อมปลายนานอกพระนคร
ส่วนพระโอรสเป็นผู้มีบารมีมากนั้น ทำให้ร้อนถึงฤาษีผู้มีวิชาแก่กล้า จึงได้กำหนดทิศทางตรงไปยังทิศบอกเหตุ จนเดินมาริมแม่น้ำแล้วก็มองเห็นทารกน้อยลอยแพมาติดที่ท่าน้ำ จึงนำเด็กไปเลื้ยงไว้ และให้ชื่อว่า"หงส์หิน" หงส์หินเป็นคนฉลาดสอนวิชาอะไรก็รับรู้ได้รวดเร็ว วันหนึ่งหงส์หินก็ถามฤาษีว่า "หลวงตาครับ พ่อแม่ของผมคือใคร และอยู่ที่ไหน" ฤาษีจึงบอกความจริงทุกประการ แล้วให้หงส์หินเดินทางไปพบแม่และเล่าความจริงตามที่ฤาษีบอกและให้รับแม่มาอยู่ด้วยกัน เพราะตายายผู้อารีได้ตายจากไปนานแล้ว
ฝ่ายในพระราชวังมเหสีทั้งหกต่างให้กำเนิดพระโอรสอายุไล่เลี่ยกัน พวกโอรสทั้งหกมักจะออกมาทอยสะบ้าที่ทำด้วยทองคำ โดยหงส์หินก็ชอบไปยืนดูแล้วเกิดอยากได้สะบ้าทองคำนั้นบ้าง ก็กลับไปเล่าให้มารดาฟัง นางจึงเข้าป่าหาลูกสะบ้าแดงตามป่ามาให้หงส์หินเล่นแทน
รุ่งขึ้นหงส์หินได้นำลูกสะบ้าแดงเข้าวังไปเล่นกับโอรสทั้งหก โดยให้เหตุผลว่า "ข้ายินดีเป็นผู้รับใช้ทุกอย่างหากข้าพเจ้าแพ้พระเจ้าข้า" ทุกครั้งที่เล่นกัน หงส์หินก็จะเป็นฝ่ายชนะทุกครั้ง ผลตอบแทนคือการได้ข้าวห่อไปฝากแม่ทุกวัน
ต่อมามียักษ์ออกมาจับชาวบ้านกินทุก๗ วัน พระราชาทรงกลุ้มพระทัยมาก ได้ทรงปรึกษากับพระโอรส ซึ่งพระโอรสทั้ง๖ ต่างก็นั่งเงียบไม่มีใครกล้าอาสา พระราชาจึงตรัสต่อว่า " เมื่อไม่มีใครอาสาพ่อก็สั่งพวกเจ้าไปช่วยกันปราบยักษ์" พระโอรสจึงคิดปรึกษากันว่าจ้างท้าวหงส์หินไปปราบยักษ์แทน ซึ่งหงส์หินก็สามารถปราบยักษ์นั้นได้ โดยโอรสทั้งหกก็ให้รางวัลตอบแทนคือ ข้าวห่อเช่นเคย พระราชาก็ชมเชยพระโอรส และสั่งให้ไปตามหาเสด็จย่าที่ถูกยักษ์จับตัวไปตั้งนานแล้ว พระโอรสทั้งหกก็ไปจ้างท้าวหงส์หินอีก หงส์หินจึงไปปรึกษากับพระฤาษีผู้อาจารย์ แล้วพระฤาษีก็ได้เสก หินให้กลายเป็น หงส์ พาเหาะข้ามทะเลผ่านป่าเขาได้ ท้าวหงส์หินได้ขี่หงส์หินข้ามแม่น้ำไปถึงเมืองยักษ์แห่งหนึ่งชื่อ เมืองวัสสโร พระยายักษ์ชื่อ วัสสวโร ยักษ์นั้นไม่ตอบโต้ซ้ำยังอ่อนน้อมและยกลูกสาวให้เป็นภรรยา ชื่อ นางมุขวดี เมื่อไปถึง เมืองกุมภัณฑ์ ที่มี พระยายักษ์กุมภัณฑ์ได้อ่อนน้อมยกลูกสาวให้เป็นภรรยาเช่นกัน ชื่อ นางจุลคันธา เมื่อไปถึง เมืองอนุมาเจ้าเมืองยักษ์ชื่อ พระยายักษ์อนุมาได้อ่อนน้อมและยกลูกสาวให้ ชื่อ นางศรีจันทรา จนถึงถ้ำจึงเข้าไปช่วยเสด็จย่า และได้ปล่อยคนที่ยักษ์จับไปขังออกหมดแล้วนำสมเด็จย่ากลับพระนครพาราณสี
หงส์หินมอบเสด็จย่าให้พระโอรสทั้งหก แล้วพระโอรสทั้งหกก็คิดและลงมือทำร้ายหงส์หินจนถึงแก่ความตาย ธิดายักษ์ทั้งสามผู้เป็นภรรยาจึงโศกเศร้ารำพันถึงสามีสุดที่รัก ฝ่ายพระอินทร์จึงได้แปลงกายเป็นหนุ่มรูปงามมาเกี้ยวพาราศีให้นางปลงใจด้วย นางก็ไม่ยอมตกลง พระอินทร์จึงแปลงเป็นยักษ์จะกินศพผัวของตนนางทั้งสามก็ไม่ยอมให้กินและขอยอมตายแทน พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์เอาน้ำทิพย์มาชุบชีวิตสามีของนางให้ฟื้นขึ้นมาแล้วก็หายตัวกลับเมืองสวรรค์ไป ส่วนย่าได้เล่าให้เจ้าเมืองพาราณสีผู้เป็นโอรสฟังว่าผู้ช่วยย่าออกมาได้นั้นคือชายผู้ขี่หงส์หินเหาะได้ เจ้าเมืองพาราณสีจึงสั่งให้ทำประตูเข้างานสมโภชให้มีเพียงประตูเดียวเพื่อดูว่าชายผู้ขี่หงส์หินเป็นใคร แล้วย่ากับลูกนางวิมาลา คือ ท้าวหงส์หินก็ได้พบกันอีก
ฝ่ายพระราชานั้นได้สืบรู้ความจริงทุกอย่าง นับตั้งแต่มเหสีใหญ่ถูกกลั่นแกล้งความผิดของพระมเหสีและพระโอรสทั้งหกว่าไม่น่าให้อภัยจึง และได้ขับไล่ออกจากพระนครไปโดยตรัสว่า "คนโกหกหลอกลวง ใจดำอำมหิตผิดมนุษย์อยู่กับเราไม่ได้จงออกไปให้พ้นพระนครตั้งแต่บัดนี้" แล้วทั่วทั้งพระนครจึงได้จัดให้มีงานสมโภชรับขวัญมเหสีใหญ่คือพระนางวิมาลาและพระโอรสหงส์หินผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม และท้าวพาราณสีได้จึงได้อภิเษกให้กุมารน้อยผู้ขี่หงส์หินกับธิดายักษ์ทั้งสามคน ครองบ้านครองเมืองพาราณสีสืบต่อราชบัลลังก์อย่างมีความสุขตราบจนสิ้นอายุขัย
......................................