กรรมของ “ พระลอ – พระเพื่อน – พระแพง ”
***************************
ก. มูลเหตุจูงใจ
จากการศึกษาพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องของ “กฎแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิด”ของเวไนยสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฎนั้น ทำให้พบว่าเป็นสัจธรรมความจริงอย่างแน่นอน ซึ่ง เที่ยงตรงและยุติธรรมมาก จึงได้ทำการศึกษาและค้นคว้าทั้งใน “พระไตรปิฎก” และในหลักสูตรการศึกษาทั้งทางโลก และโดยเฉพาะในทางธรรม ตลอดจนคำสั่งสอนจาก “พระอริยะเจ้า”ผู้รู้แจ้งและรู้จบทั้งหลาย และที่สำคัญที่สุดคือจากการปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะการ “วิปัสสนากรรมฐาน” ก็ทำให้ได้ความรู้ และเกิดปัญญาที่ดีขึ้นมา ทำให้เข้าใจกฏของธรรมชาติได้แจ่มแจ้งมากยิ่งขึ้น
เรื่องหนึ่งที่อยู่ในความสนใจและเป็นเรื่องสะเทือนใจมาก ก็คือ เรื่องของ“พระลอ – พระลักษณวดี – พระเพื่อน – พระแพง”ที่เป็นโศกนาฏกรรมและตำนานรักสะเทือนใจ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยทางภาคเหนือในในอดีตกาล ซึ่งก็ได้เล่าขานสืบต่อกันมาและมีการแต่งเป็นตำรา และได้มีการนำมาเรียนในหลักสูตรการศึกษาของไทยจนถึงทุกวันนี้ นั้นก็คือ “ลิลิตพระลอ”นั้นเอง
ข. ที่มาของกรรมที่เป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ
ย้อนกลับไปหลายพันปี(ช่วงปฐมกาลของโลกมนุษย์)ที่ผ่านมา บนแผ่นดินประเทศจีนในปัจจุบัน มีเทพบุตรตนหนึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่อยู่บนสวรรค์ ได้ถูกอัญเชิญจากเหล่าเทวดาโดยเฉพาะ “ท้าวสักเทวราช” หรือ “พระอินทร์” หรือ “เง็กเซียนฮ่องเต้”ให้มาเกิดบนโลกมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือมนุษย์และสัตว์ต่างๆ อันจะเป็นการเพิ่มพูนและสร้างสมบุญบารมีให้มากขึ้นตามวิถีแห่งพระโพธิสัตว์อีกด้วย ซึ่งเทพบุตรตนนั้นก็รับเชิญและได้มาเกิดเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาชื่อ “โฮอี้” ซึ่งเขาเป็นคนดี มีความกตัญญู มีรูปงาม มีสติปัญญาและมีความเฉลียวฉลาดมาก ที่สำคัญเขามีพรสวรรค์ในการใช้อาวุธ คือ “ธนู”อย่างดี ไม่มีใครเทียบได้ในปฐพี และในกาลครั้งนี้ก็ได้มีนางฟ้าหรือเทพธิดาตนหนึ่งที่เป็นภรรยาของเขาบนสรวงสวรรค์ก็อาสาลงมาเกิดเพื่อตามมาเป็นภรรยาและรับใช้ปรนนิบัติเขาบนโลกมนุษย์อีกด้วย โดยเกิดเป็นลูกสาวชาวบ้านธรรมดาเช่นกัน ชื่อ “ฉางเอ๋อ”นางเป็นคนดี มีความกตัญญู และมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาก และที่สำคัญเขามีรูปร่างที่สวยงามราวกะนางฟ้าเดินดินเลยทีเดียว โดยทั้งคู่เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มสาวก็ได้ผูกสมัครรักใคร่และได้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยาที่เหมาะสมกันยิ่งนัก ทุกคนต่างสนับสนุนยินดี และยึดเอาเป็นแบบอย่างกันทุกหมู่บ้านแถบนั้น
และแล้วเหตุการณ์อันสร้างความเดือดร้อนของโลกมนุษย์ในยุคนั้นก็เกิดขึ้นคือ มีโอรสของเง็กเซียนฮ่องเต้กับพระมเหสี ได้เกิดเป็น “พระอาทิตย์(พระสุริยะ)”โดยเกิดขึ้นพร้อมกัน ๑๐ ตน(ดวง) ซึ่งต่างองค์ต่างซุกซน ได้แข่งขันกันท่องเที่ยวไปในอากาศบนสรวงสวรรค์ และได้แข่งกันส่องแสงมายังโลกมนุษย์อีกด้วย ทำให้โลกมนุษย์เดือดร้อนหนัก มนุษย์และสัตว์บนโลกต่างเดือดร้อนอดตาย ข้าวปลาอาหารและพืชพันธุ์ล้มตาย แม่น้ำลำธารต่างๆก็เหือดแห้ง เกิดการจลาจล เกิดกลียุค ข้าวยากหมากแพง ผู้คนต่างจี้ปล้น ขโมยและเข่นฆ่าแย่งชิงอาหารและน้ำดื่มน้ำอาบตลอดจนน้ำในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ซึ่งต่างก็ล้มตายเลือดนองท่วมแผ่นดิน พระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขก็เดือดร้อนและหมดปัญญาช่วยเหลือราษฎรและหมู่สัตว์ทั้งหลายได้ สมบัติในท้องพระคลังและสะเบียงอาหารก็ร่อยหลอลงทุกวันๆ
จึงได้ประชุมปรึกษาโหรหลวงและผู้ทรงอภิญญาทั้งหลายว่าจะต้องทำอย่างไร? มีใครบ้างที่จะมาช่วยและกอบกู้สถาณการณ์นี้ได้บ้าง ซึ่งต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า มีหนุ่มชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่เป็นคนกตัญญู และมีความเฉลียวฉลาดมาก ที่สำคัญเขาเป็นนักแม่นธนูอันดับหนึ่งในปฐพี เขาคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้ จึงได้พากันมาขอร้องและอ้อนวอนให้เขาช่วยเหลือและได้ขอแรงให้ภรรยาสุดที่รักของเขาให้ช่วยขอร้องให้สามีช่วยเหลือเหล่ามนุษย์และพืช ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายบนโลกมนุษย์นี้ด้วย
ซึ่งน้ำใจและวิถีแห่งพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบุญบารมีในทุกภพทุกชาติที่เกิดมา ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม ก็เพื่อวัตถุประสงค์เดียว คือการบำเพ็ญบุญบารมีให้เต็มสมบูรณ์ นั้นก็คือ “บารมี ๓๐ ทัศน์” เพื่อการที่จะได้ “ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ” กลายเป็น “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”ในอนาคตกาลนั้นเอง
เขาจึงตกลงรับปากจะช่วย แล้วก็ได้จุดธูปตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็เข้าสมาธิเพื่อให้เกิดฌานอภิญญา เพื่อพบปะพูดคุยและขอร้ององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ให้บอกกล่าวและสั่งสอนให้พระโอรสของพระองค์ คือพระอาทิตย์ทั้ง ๑๐ ดวงนั้น ไม่ให้แข่งกันเล่นซุกซน และส่องแสงมายังโลกมนุษย์พร้อมกัน เพราะสร้างความเดือดร้อนแสนสาหัสดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเอง ซึ่งองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ก็รับปากจะช่วยพูดคุยและสั่งให้ยุติพฤติกรรมนั้นกับพระโอรสทั้ง๑๐ นั้นให้ แต่โอรสทั้ง๑๐ พระองค์นั้น ก็ไม่เชื่อฟังและทำตามแต่อย่างใด จนองค์อินทร์ผู้บิดาจนใจไม่รู้จะทำอย่างไรได้ แต่ความเดือดร้อนและการล้มตายบนโลกมนุษย์หนักขึ้นทุกวันๆ
และแล้วโฮอี้ก็ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต้องกระทำการหยุดยั้งพระอาทิตย์ทั้ง ๑๐ นี้ให้ได้ เขาจึงได้ปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขา “คุนหลุน” แล้วก็หยิบธนูคู่ใจขึ้นมา แล้วทำการอธิษฐานจะขอปลิดชีพดวงอาทิตย์เพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตบนโลกมนุษย์ไม่ให้เดือดร้อนและล้มตายไปมากกว่านี้อีกแล้ว แล้วเขาก็ปล่อยลูกธนูพุ่งแหวกอากาศส่งเสียงดังกึกก้องกัมปนาทไปทั่วทั้งจักรวาล ลูกธนูพุ่งเข้าเสียบใจกลางดวงอาทิตย์ที่เป็นโอรสขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้แม่นราวกับจับวาง พลันดวงอาทิตย์ก็ดับมืดลงถึงกาลมรณะทันที โดยโฮอี้ยิงธนูปลิดวิญญาณดวงอาทิตย์ไป๙ ดวง เขาเหลือดวงอาทิตย์ไว้เพียง ๑ ดวง(คือดวงอาทิตย์ในปัจจุบันนี้นั้นเอง) เพื่อให้ส่องแสงสว่างและให้ความอบอุ่นแก่ชาวมนุษย์และสรรพสัตว์ตลอดจนสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกมนุษย์ใบนี้ มาจนถึงทุกวันนี้
(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน “ฉางเอ๋อตำนานพระจันทร์คู่โลก”)
ค. บทส่งท้าย
กฎแห่งกรรมยังคงวนเวียนใน “สังสารวัฏ”นี้อย่างไม่รู้จบรู้สิ้น จนกว่าว่าดวงจิตเหล่านั้นจะบรรลุ “พระนิพพาน”นั้นเอง จากเหตุการณ์และการกระทำของโฮอี้พระโพธิสัตว์ในครั้งนั้น ก็ส่งผลมาถึงทั้ง ๓ พระองค์ คือ “พระลอ” “พระเพื่อน” และ “พระแพง” ต่างได้รับกรรมจากครั้งโน้นที่ตามมาถึงในครั้งนี้ ดังรายละเอียดใน “ตำนานรักอมตะ พระลอ-พระลักษณวดี-พระเพื่อน-พระแพง”หรือ “กฎแห่งกรรมของพระลอ-พระลักษณวดี-พระเพื่อน-พระแพง”นั้นเอง
เพราะว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านมาหลายพันปี หนุ่มน้อยหรือจักรพรรดิ“โฮอี้”ก็ได้กลับชาติมาเกิดเป็น “พระลอ” ส่วน “แม่ชีหวังโม่” หรือ “เจ้าแม่หวังโม่” ผู้เป็นภรรยาองค์หนึ่งของเทพบุตรโฮอี้บนสรวงสวรรค์ ก็ได้มาเกิดเป็น “พระเพื่อน” ส่วน “ฉางเอ๋อ”นั้น ก็กลับชาติมาเกิดเป็น “พระแพง”นั้นเอง”
ซึ่งแปลกแต่จริง! คือว่า ลูกธนูที่ยิงมามากมายราวกะห่าฝนเพื่อฆ่าพระลอ กับพระเพื่อน และพระแพงนั้น ได้ถูกและฝังในร่างของทั้ง ๓ พระองค์เพียง ๙ ดอกเท่านั้น?
(ศึกษาเพิ่มเติมได้ใน เรื่องของ “กรรมของพระลอ-พระลักษณวดี-พระเพื่อน-พระแพง”)
…………………………………………………
ศิษย์ตถาคต
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕