พระรถ-เมรี : นางสิบสอง
(ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยประเทศไทย)
******************************
กาลครั้งหนึ่งก่อนพุทธกาลในดินแดนแถบสุวรรณภูมิใกล้แถบทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทยในปัจจุบัน มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อว่า นนทเศรษฐี มีบ้านเรือนใหญ่โตและทรัพย์สมบัติมากมายแต่ไม่มีบุตรธิดาไว้สืบสกุล และคอยดูแลทรัพย์สินเหล่านั้นเลย วันหนึ่งเขาจึงเข้าไปในป่าเพื่อทำบุญและขอพรจากพระฤาษี ขอให้มีบุตรธิดาสืบสกุลด้วยเถิด โดยเขาได้นำกล้วย ๑๒ ผลไปถวายพระฤาษีด้วย ซึ่งพระฤาษีก็ได้ให้พรโดยให้ตั้งจิตอธิษฐานและขอพรเอาเอง และยังบอกให้เก็บเอาก้อนหินรอบอาศรมนี้กลับบ้านไปบูชาด้วย หลังจากกลับมาบ้านเขาก็บอกกับภรรยาเกี่ยวกับความปรารถนาที่ตนได้อธิษฐานและขอพรจากพระฤาษี โดยพระฤาษีก็ยังได้ให้เก็บเอาก้อนหินมาบูชาด้วย เขาจึงได้เก็บเอามาทั้งหมด ๑๒ ก้อน ภรรยาของเขาดีใจมาก และหลังจากนั้นไม่นานนางก็ตั้งครรภ์และคลอดลูกสาวจำนวนครบ ๑๒ คนพอดี เขากับภรรยาก็ได้ตั้งชื่อให้ทั้ง ๑๒ คนว่า ดังนี้ บัว ผัน อี่ ปอง ปี่ ปลอด คล้อง คล้าย แสด ไย ไภ เภา ตามลำดับ โดยน้องสาวคนเล็กสุดมีชื่อว่า เภา มีความสวยและฉลาดกว่าใครทั้งหมด อย่างไรก็ตามหลังจากคลอดลูกสาวทั้ง ๑๒ คนแล้วโชคชะตาของท่านเศรษฐีและภรรยาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งคู่กลับยากจนลงทุกวัน ๆ การค้าขายก็ไม่ค่อยดีเลย ในขณะที่ลูกสาวก็กินจุขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไม่สามารถแก้ปัญหาความขาดแคลนอาหารเลี้ยงดูบุตรสาวได้ เศรษฐีจึงตัดสินใจขายบ้านเพื่อเอาเงินมาซื้ออาหารเลี้ยงลูก ๆ จากที่เคยร่ำรวยก็กลับกลายเป็นจน เขาพาครอบครัวไปอยู่ที่กระท่อมในทุ่งนาและก็ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยการทำนา บ่อยครั้งที่สองสามีภรรยาไม่สามารถหาอาหารเพียงพอเพื่อมาเลี้ยงบุตรสาวที่กำลังกินกำลังนอนได้ ทั้งคู่รู้สึกเสียใจที่เห็นบุตรสาวร้องไห้หาของกินแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
จึงได้ปรึกษากับภรรยาว่า จะต้องนำลูกสาวทั้ง ๑๒ คนไปปล่อยในป่า ลูกสาวคนเล็กชื่อเภา แอบได้ยินที่พ่อกับแม่คุยกันเลยเตรียมเก็บก้อนหินไว้เพื่อทำสัญลักษณ์ในการเดินทางกลับบ้านได้ เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อเศรษฐีก็ชวนลูกๆไปหาของป่ามาขาย เมื่อถึงป่าก็บอกให้ลูกๆเล่นอยู่ตรงนี้พ่อจะไปทำธุระสักหน่อย แต่ลอบหนีกลับบ้านไปก่อน ลูกๆไม่เห็นพ่อกลับมาก็กระวนกระวายและเกิดความกลัวอยากกลับบ้าน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่น้องเภาบอกว่าจะพากลับบ้านเองไม่ต้องกลัว แล้วก็พากันเดินทางตามก้อนหินที่วางเป็นสัญลักษณ์ไว้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย เศรษฐีพ่อแม่กำลังจะลงมือทานข้าวเย็นให้อิ่มหนำสำราญสักมื้อ แต่ก็ได้ยินเสียงลูกๆกลับมาถึงบ้านพอดี
ส่วนในครั้งที่สองที่พาไปปล่อยนี้น้องเภาไม่มีเวลาเก็บก้อนหินเหมือนเคยแต่ก็ได้โรยขนมที่เป็นของกินระหว่างเดินทางซึ่งไม่กินแต่ได้โรยเป็นสัญลักษณ์ไว้ เมื่อพ่อปล่อยให้อยู่ในป่าแล้วก็หลบหนีลูกๆกลับบ้านไปเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้น้องเภาไม่สามารถพาพี่ๆและตัวเองกลับบ้านได้ เพราะขนมที่วางและที่โรยไว้ทำสัญลักษณ์นั้น ได้ถูกสัตว์กินไปหมดแล้วไม่มีร่องรอยใดๆหลงเหลือให้จดจำได้ จึงต้องเดินหลงทางในป่าหาทางกลับบ้านไม่ถูก ทั้งหมดได้พากันหลงทางและเดินพลัดหลงเข้าไปในเขตของ นางยักษ์สันทมารหรือ สันทมาลา เมื่อนางยักษ์สันทมารได้เห็นก็นึกเอ็นดูจึงแปลงกายเป็นหญิงสาวงามใจดี เอ่ยปากชักชวนให้ไปอยู่ด้วยกันจะได้เลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมให้ได้กินอิ่มหนำสำราญ ซึ่งทั้งหมดก็ยินดีและได้ไปอยู่กับนางยักษ์แปลงนั้น ซึ่งนางยักษ์สั่งให้บริวารยักษ์ทั้งหลายแปลงเป็นมนุษย์อย่าให้ทั้ง ๑๒ คนนี้จะตกใจกลัวและไม่ให้เห็นพฤติกรรมการกินสัตว์และมนุษย์แต่อย่างใด
วันหนึ่งในขณะที่พี่สาวคนโตเพลิดเพลินอยู่กับการชื่นชมความสวยงามของดอกไม้อยู่นั้นนางก็เดินไกลออกไปและถึงบริเวณหวงห้าม ซึ่งนางยักษ์สันทมารกำลังกินเนื้อมนุษย์อยู่ นางเห็นเหตุการณ์เข้าโดยบังเอิญและยังได้เห็นคนถูกจับมาขังไว้เป็นจำนวนมากอีกด้วย นางก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ที่อุปถัมภ์ค้ำชูพวกตนนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นยักษ์ในร่างแปลงของหญิงสาวผู้เลอโฉม แล้วนางก็บอกให้น้อง ๆ ของนางทราบ ผู้ซึ่งก็กลัวว่าอาจจะถูกยักษ์จับกินเข้าสักวันหนึ่งก็ได้ ดังนั้นพวกพี่น้องจึงเตรียมแผนหนีออกจากเมืองยักษ์ แต่ก่อนที่จะหนีนางยักษ์ไป พวกเขาได้ช่วยปล่อยคนทั้งหมดที่นางยักษ์จับมาขังไว้เป็นอาหาร แล้วก็หลบเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ซึ่งก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะนางยักษ์ทำการค้นหาแบบพลิกแผ่นดิน โชคดีที่รุกขเทวดาและสัตว์อื่น ๆ เข้ามาช่วยไว้ นางยักษ์จึงหาพี่น้องทั้งหมดไม่พบ แต่นางยักษ์ก็ยังไม่ละความพยายามอยู่นั้นเอง ในเวลาเดียวกันขณะที่พระฤาษีกำลังเข้าฌานอยู่นั้นก็ได้เห็นเหตุการณ์และรู้สึกสงสารพี่น้องทั้ง ๑๒ คนผู้น่าสงสารเหล่านั้น ท่านจึงดลใจให้นางยักษ์ไปค้นหาทางอื่นแล้วก็ยกเลิกการค้นหาไปในที่สุด และแล้วพระฤาษีก็บอกหญิงสาวเหล่านั้นว่าเหตุที่พวกนางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเช่นนี้ ก็เพราะว่าเมื่อชาติที่แล้วพวกนางได้นำลูกสุนัขไปปล่อยทิ้งไว้ในป่า ดังนั้นบาปจึงตามพวกเขามาในชาตินี้และชาติหน้าอีกจนกว่าจะครบ ๕๐๐ ชาติจึงจะหมดกรรม
หลังจากอำลาพระฤาษีแล้ว นางทั้งสิบสองก็ออกเดินทางต่อและไปถึงสระน้ำแห่งหนึ่งใน เมืองกุตารนคร ซึ่งปกครองโดย พระเจ้ารณสิทธิราชหรือ พระเจ้ารถสิทธิ์ โดยในทุกวันจะมีนางค่อมทาสีแบกหม้อน้ำทองคำมาตักน้ำไปให้พระราชาสรงในพระราชวัง ในขณะเตรียมที่จะตักน้ำจากสระ นางค่อมเหลือบไปเห็นเงาเหล่าหญิงสาวหน้าตาสวยคล้ายกับนางฟ้า นางเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเงาของตน แต่เมื่อพี่น้องทั้งสิบสองหัวเราะเยาะนาง นางก็แหงนหน้าขึ้นดูแล้วก็เห็นเหล่าหญิงสาวอยู่บนต้นไทร นางคิดว่าหญิงเหล่านั้นเป็นนางฟ้า จึงรีบไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ และแล้วพระราชาก็รีบเสด็จมายังสระน้ำในทันที เมื่อได้เห็นพี่น้องทั้งสิบสองคน พระราชาก็ทรงตกตะลึงในความงามของพวกนางและสอบถามว่าเป็นใครมาจากไหน เมื่อได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พระราชาจึงรับสั่งให้นางลงมาและช่วยให้ไปอยู่ในวังของพระองค์ และพระราชาก็ทรงแต่งตั้งให้นางทั้งหมดเป็นพระมเหสีของพระองค์
ในขณะเดียวกัน นางยักษ์สันทมารก็ได้ธิดาบุญธรรมชื่อว่า เมรี ผู้ซึ่งเป็นธิดาของเพื่อนสามีของนางที่ตายไปแล้วมีนามว่า ท้าวปทุมราช ซึ่งก็เป็นเจ้าเมืองอสูรชื่อว่า เมืองกำพุธ ท้าวปทุมราชมีธิดาแฝด ๒ คน ชื่อว่า เมรีและ ศรีทัศนา ทั้งสองพี่น้องถือกำเนิดจากมารดาผู้เป็นมนุษย์พระนามว่า พระนางศรีสมุทร เมื่อโหรหลวงของพระองค์ทำนายว่า ถ้าให้ธิดาทั้งสองคนอยู่ร่วมกันแล้วความหายนะที่ไม่ทราบสาเหตุก็จะนำความพินาศมาสู่ทุกชีวิตในเมือง ท้าวปทุมราชจึงมอบบุตรสาวของตนคนหนึ่งให้นางยักษ์สันทมารเลี้ยงดูนับแต่บัดนั้นมา
ต่อมาภายหลัง นางยักษ์สันทมารได้ข่าวว่านางสิบสองยังมีชีวิตอยู่ และไปได้ดีมีความสุขได้เป็นถึงมเหสีของพระเจ้ารถสิทธิ์ ก็เกิดความอิจฉาริษยาและเคียดแค้นมาก นางจึงตามนางสิบสองมายังเมืองกุตารนครและรอหญิงค่อมอยู่ที่ต้นไทรที่สระน้ำ ซึ่งนางค่อมจะต้องมานำน้ำไปให้พระราชาสรงเหมือนอย่างปกติ แล้วนางสันทมารก็แปลงร่างเป็นหญิงสาวมีหน้าตาสวยงามกว่านางสิบสองมาก เมื่อได้เห็นหญิงสาวผู้สวยที่สุด นางค่อมก็รีบไปกราบทูลพระราชาผู้ซึ่งเสด็จมาทอดพระเนตรพระนางยักษ์แปลง และก็ต้องตะลึงในความงามของนาง พระราชาจึงนำนางเข้าวัง และทรงแต่งตั้งให้นางเป็นพระมเหสีองค์ใหม่ และนางก็เป็นพระมเหสีที่โปรดปรานของพระราชาในทันที นับจากนั้นมานางสิบสองก็ประสบเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัส เพราะนางยักษ์ใช้มนต์สะกดให้พระราชาหลงรักนางจนกระทั่งอยู่ภายใต้อำนาจของนางจนหมดสิ้น
แล้วแผนการอันเลวร้ายก็เริ่มขึ้น นางได้แกล้งป่วยและต้องการนัยน์ตาของหญิง ๑๒ คนที่มีพ่อแม่คนเดียวกัน นั้นก็คือนางทั้งสิบสองนั้นเอง เพื่อนำมาทำยาอายุวัฒนะ และแล้วพระราชาก็ทรงรับสั่งให้นางสิบสองเข้าเฝ้าแล้วก็สั่งให้ทหารควักดวงตาของนางสิบสองออกมา แต่นางเภาโชคดีกว่าพี่สาวคนอื่น ๆ เพราะพระองค์อนุญาตให้นางเหลือดวงตาไว้ข้างหนึ่ง หลังจากรับสั่งให้ควักดวงตาของนางทั้งสิบสองออกแล้ว พระราชาก็รับสั่งให้นำอดีตพระมเหสีของพระองค์ไปขังไว้ในอุโมงค์มืด ซึ่งทั้งหมดต้องประสบความทุกข์ทรมานอย่างน่าสมเพศเวทนา ในขณะเดียวกันหลังจากได้ดวงตาของนางสิบสองแล้ว นางยักษ์สันทมารก็ส่งดวงตาทั้งหมดไปให้ธิดาบุญธรรม(เมรีนั้นเอง)ของนางเก็บไว้ที่เมืองยักษ์ ในเวลาต่อมาพี่น้องทั้งหมดยกเว้นเภาก็ตั้งครรภ์ พระอินทร์ทราบว่านางสิบสองได้รับความทุกข์ทรมานมาก และไม่มีใครดูแลจึงได้อัญเชิญโพธิสัตว์เทพบุตรให้ไปปฏิสนธิในครรภ์และเกิดเป็นลูกของนางเภาน้องคนสุดท้อง ด้วยเหตุนั้นนางเภาจึงตั้งครรภ์ และนางราชินียักษ์แปลงก็สั่งให้ทหารของตนเฝ้าอุโมงค์ไว้ เพื่อไม่ให้ใครแอบช่วยเหลือนางทั้งสิบสองคนได้ หากใครฝ่าฝืนก็จะโดนลงโทษถึงประหารทีเดียว
กล่าวกันว่าสาเหตุที่นางสิบสองต้องได้รับความทุกข์เช่นนี้ ก็เพราะเมื่อชาติที่แล้วในขณะเล่นอยู่ริมแม่น้ำ พวกนางจับปลามา ๑๒ ตัว แล้วใช้เหล็กแหลมทิ่มนัยน์ตาทั้งสองข้างของปลาเหล่านั้นแล้วก็ปล่อยลงในแม่น้ำ แต่ว่านางเภาเองทิ่มแทงเพียงตาข้างเดียวของปลาที่ตนจับ ดังนั้นนางจึงไม่ถูกควักดวงตาทั้งสองข้าง ต่อมาพี่น้องทั้งหมดยกเว้นนางเภาก็คลอดลูกออกมา ซึ่งถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ทันที และแจกแบ่งกันกินเป็นอาหาร เนื่องจากพวกนางถูกทรมานด้วยความหิวโหยมากจนกระทั่งต้องกินลูกของพวกตน แต่ถึงอย่างไรนางเภาก็ไม่ยอมกินเนื้อทารกที่ได้รับแบ่งให้นั้น ทุกครั้งที่นางได้ส่วนแบ่งนางก็จะนำไปซ่อนไว้ ดังนั้นเมื่อถึงคราวที่นางคลอดลูกบ้างพี่ ๆ ของนางเภาก็จะได้ไม่ฆ่าลูกของตน ดังนั้นนางจึงนำเนื้อทารกที่ซ่อนไว้มาแบ่งให้พวกพี่ ๆ แทน การทำเช่นนี้จึงไม่ทำให้พวกพี่ ๆ ของตนสงสัยในเจตนาของนางที่ต้องการเลี้ยงลูกไว้ แล้วเภาก็ตั้งชื่อลูกให้คล้ายกับพ่อว่า รถเสน ถึงแม้ว่าพวกทหารที่เฝ้าอุโมงค์จะรู้เกี่ยวกับการถือกำเนิดของรถเสน แต่ก็ไม่มีใครไปบอกให้นายของตนทราบ เพราะพวกเขาเองก็รักและเมตตากุมารน้อยนี้ แถมยังช่วยเลี้ยงดูให้อีกด้วย และเมื่อใครถามก็ตอบว่าเป็นลูกของทหารที่เฝ้ายามอยู่ที่นี่นั้นเอง รถเสนจึงปลอดภัยและมีเพื่อนเล่นนอกอุโมงค์และสามารถเข้าออกเพื่อดูแลและรับใช้แม่เภาและป้าๆทั้งหลายได้ ซึ่งต้องลำบากและทุกข์ทรมานมาก แต่รถเสนก็เป็นเด็กดีมีความกตัญญู ดูแล ทำงาน และหาอาหารตลอดจนผลไม้ดีๆ มาให้แม่และคุณป้าอยู่เสมอ ลำพังอาหารที่ราชินีส่งให้ไม่พอและอาจขาดสารอาหารและหิวตายได้ เพราะนางยักษ์แปลงก็อยากฆ่าให้ตายอยู่แล้วแต่กลัวชาวเมืองกุตารนครรู้เรื่องในความชั่วร้ายของตนเอง ซึ่งระหว่างที่รถเสนยังเด็กเยาว์วัยอยู่นั้น การช่วยเหลือดูแลก็ได้มาจากเหล่าทหารเฝ้ายาม ซึ่งก็เป็นคนดีมีเมตตาคุณธรรมก็คอยช่วยเหลือและทำการปกปิดไม่ให้นางยักษ์แปลงทราบ จึงพออยู่รอดมาได้อย่างไม่ลำบากนัก เมื่อรถเสนโตขึ้นเขาก็ถามมารดาถึงสาเหตุที่ต้องมาอยู่ในอุโมงค์นี้ นางเภาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นลูกฟัง รถเสนรู้สึกเสียใจมากที่เห็นผู้เป็นมารดาและป้า ๆ ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
และแล้วพระอินทร์ก็เสด็จลงมายังโลกมนุษย์เพื่อสอนกลอุบายในการเล่นการพนันให้กับรถเสน และพระอินทร์ก็ได้ให้ไก่ชนวิเศษพร้อมทั้งเครื่องแต่งกายแก่รถเสนด้วย ซึ่งรถเสนเองก็เลี้ยงไก่ชนและมีเพื่อนเล่นเป็นไก่พิเศษอีกต่างหาก ซึ่งนอกจากทหารเฝ้ายามแล้วก็ยังมีไก่ชน ทำให้ชีวิตไม่เหงา และมีความสุขสนุกสนานขึ้นมาบ้าง แล้วรถเสนก็ขออนุญาตมารดาเพื่อออกจากอุโมงค์ไปเผชิญกับโลกภายนอกบ้าง เพราะตนเองก็โตเป็นหนุ่มแล้ว เมื่อมาถึงศาลาสาธารณะ ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นพนันไก่ชนอยู่ รถเสนจึงขอเล่นพนันชนไก่ด้วยและก็มีชัยชนะได้รางวัลพอที่จะซื้ออาหารมาให้มารดาและป้า ๆ ของตนได้ แน่นอนที่สุดว่าการถือกำเนิดของรถเสนนำมาซึ่งความหวังให้กับนางทั้งสิบสอง นับแต่นั้นมารถเสนก็ออกไปเล่นพนันทุกวัน และก็มีชัยชนะทุกครั้งไป ได้ข้าวปลาอาหารและผักผลไม้ดีๆอร่อยๆมาฝากแม่และคุณป้าทุกคน ได้กินอิ่มหนำสำราญอยู่เป็นประจำ ข่าวการพนันต่างๆและการชนไก่มีชัยชนะทุกครั้งของรถเสนแพร่ไปถึงพระเจ้ารณสิทธิราชผู้ซึ่งรับสั่งให้รถเสนเข้าเฝ้า แล้วพระราชาก็ชวนให้เขาเล่นสกาแข่งกับพระองค์ รถเสนท้าพระราชาว่าถ้าหากว่าเขาแพ้เขายินดีเป็นทาสของพระราชาตลอดไป แต่ถ้าหากว่าเขาชนะเขาต้องการเพียงข้าว ๑๒ ห่อเท่านั้น พระราชาทรงตอบตกลง และผลก็ปรากฏว่าพระราชาทรงแพ้รถเสนถึง ๒ ครั้ง ดังนั้นรถเสนจึงได้ข้าว ๑๒ ห่อมาให้มารดาและป้าดังที่คาดหวังไว้ พระเจ้ารถสิทธิ์ก็ยอมรับในฝีมือรถเสน ส่วนรถเสนเองก็ไม่ได้แสดงตัวอะไรออกมาเพราะแม่สั่งไว้ และอาจเกิดอันตรายเพราะหากนางราชินียักษ์แปลงรู้ความจริงเข้า จึงสงบเสงี่ยมเจียมตนและระวังตัวอยู่เสมอมา
ในกาลต่อมา ท้าววัตตาซึ่งเป็น เจ้าเมืองจินดา ได้มาท้าพระเจ้ารณสิทธิราชพนันชนไก่เอาบ้านเอาเมืองกันเป็นเดิมพัน ซึ่งพระเจ้ารถสิทธิ์ก็ทรงวิตกกังวลมาก เนื่องจากไก่ชนของท้าววัตตาเมืองจินดานั้นเก่งมากไม่เคยแพ้ไก่ของผู้ใด พระเจ้ารถสิทธิ์จึงปรึกษาขุนนางและทหารองครักษ์ว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งทุกคนลงความเห็นว่าให้รถเสนนำไก่ของเขามาสู้ก็จะชนะ ซึ่งพระเจ้ารถสิทธิ์ก็ตกลง แต่ก็ยังหวั่นใจเกรงว่าจะแพ้และเสียเมืองนั้นเอง จึงได้ให้ทหารนำตัวรถเสนเข้าเฝ้าเพื่อการครั้งนี้ ซึ่งพระเจ้ารถสิทธิ์ก็รับปากว่าหากไก่ของรถเสนชนะอยากจะได้อะไรก็จะให้ รถเสนก็รับอาสา และให้สัตย์ไว้ว่าหากไก่ของตัวเองแพ้ก็ยอมให้ประหารชีวิตตนเองได้ ซึ่งผลการแข่งขันก็ปรากฏออกมาว่าไก่ของรถเสนชนะไก่ของท้าววัตตา(ไก่ของพระอินทร์ย่อมชนะไก่ของเทวดาอยู่แล้วนั้นเอง) ดังนั้นเมืองจินดาของท้าววัตตาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของกุตารนครของพระเจ้ารถสิทธิ์นับตั้งแต่บัดนั้น ซึ่งจะต้องส่งส่วยและเครื่องราชบรรณาการต่างๆมาถวายอยู่เป็นประจำทุกปี ส่วนว่ารถเสนเมื่อชนะพนันชนไก่เอาบ้านเอาเมืองแล้วนั้น ก็ไม่ได้โลภมากและขอรางวัลใดๆ ขอเพียงแต่อาหารอร่อยๆจากในวังให้มารดากับป้าเพียง ๑๒ ห่อเท่านั้นก็พอ พระเจ้ารณสิทธิและชาวกุตารนครเมื่อได้ฟังดังนั้น ต่างก็ตกตะลึงและแปลกใจเป็นอันมาก? พระเจ้ารถสิทธิ์จึงถามว่า ทำไม?จึงขอรางวัลเพียงข้าว ๑๒ ห่อเพียงเท่านั้น รถเสนจึงจำต้องบอกความจริง นั้นเองทำให้พระเจ้ารถสิทธิ์และชาวเมืองกุตารนครได้รู้ว่า ที่แท้รถเสนก็คือพระโอรสของพระเจ้ารถสิทธิ์ที่เกิดกับนางเภาน้องสาวคนเล็กของนางทั้งสิบสองอดีตมเหสีของพระเจ้ารถสิทธิ์นั้นเอง พระองค์ดีใจ ตื้นตันใจ และทรงสวมกอดพระโอรสผู้ซึ่งช่วยเหลือพระองค์ และชาวกุตารนครให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของท้าววัตตา
นับแต่วันนั้นพระเจ้ารณสิทธิราชก็รักโอรสของพระองค์มาก และทรงประกาศขึ้นว่าพระองค์รักโอรสดั่งแก้วตาดวงใจของพระองค์ เมื่อได้ยินคำประกาศของพระราชาดังนั้น นางราชินียักษ์แปลงผู้ซึ่งบัดนี้บัลลังก์และความสุขสบายของนางกำลังจะสั่นคลอนอย่างแน่นอน พระเจ้ารถสิทธิ์ได้รับรถเสนเป็นพระราชโอรสและทรงเลี้ยงดูอย่างดี แต่มารดาและคุณป้ายังถูกต้องโทษอยู่ในอุโมงค์มืดอยู่ เพราะราชินียักษ์แปลงยังไม่อนุญาต และพระเจ้ารถสิทธิ์ก็ยังโดนมนต์สะกดให้เชื่อฟังและหลงใหลหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
และแล้วแผนการอันชั่วร้ายของนางราชินียักษ์แปลงก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง นางยักษ์สันทมารผู้ซึ่งตอนนี้เป็นราชินีหญิงสาวสวยแต่อำมหิต ก็แกล้งทำเป็นป่วยหนักและต้องการผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งมีรสเปรี้ยว เรียกว่า มะงั่วหาวและมะนาวโห่ เพื่อใช้ทำยาและมีอยู่แต่เฉพาะในเมืองของนางเท่านั้น นางสันทมารขอร้องให้พระราชาผู้ซึ่งทรงลังเลพระทัยอยู่ว่าจะส่งเจ้าชายรถเสนไปนำผลไม้นั้นมาให้นางดีหรือไม่ แต่ด้วยเลือดกษัตริย์ขัตติยา และอยากช่วยมารดาและคุณป้าทั้งหมดให้พ้นโทษ จึงขออาสาว่าจะไปนำผลไม้ดังกล่าวมาให้ด้วยตัวของพระองค์เอง พระราชาทรงตอบตกลงโดยไม่เต็มพระทัยนัก จึงตัดสินพระทัยส่งเจ้าชายไปยัง เมืองคชบุรี แต่ก่อนจากไป เจ้าชายรถเสนขอให้พระราชาส่งอาหารไปให้มารดาและป้าของตนทุก ๆ วันอย่าได้ขาดตกบกพร่อง ซึ่งพระราชาทรงรับปาก และทรงอนุญาตให้รถเสนใช้ม้าของพระองค์ชื่อ ม้าพาชี ซึ่งสามารถบินไปในอากาศได้เหมือนนก นางยักษ์สันทมารจึงบอกให้รถเสนนำจดหมายของตนไปให้บุตรสาวของตนด้วย แล้วเจ้าชายก็ผูกจดหมายไว้กับคอม้าและเริ่มเดินทางไกล
เมื่อออกเดินทางมาได้ระยะไกลสักระยะเวลาหนึ่ง รถเสนก็หยุดพักที่ศาลาของพระะฤาษีในป่า แล้วตนเองก็นอนหลับพักผ่อนเอาแรงเพื่อเดินทางต่อ และปล่อยให้ม้าออกไปกินหญ้ากินน้ำในบริเวณใกล้ ๆ นั้น ซึ่งพระฤาษีก็รู้สึกร้อนลนทำสมาธิก็ไม่สงบรู้สึกหงุดหงิด จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินจงกรมในสนามหญ้าข้างอาศรมแทนเผื่อว่าจะดีขึ้นบ้าง ทันใดนั้นพระฤาษีก็เหลือบไปเห็นลักษณะดีของม้าจึงเข้าไปดูใกล้ ๆ และก็พบว่ามีจดหมายแขวนอยู่ที่คอม้า จึงรู้ถึงสาเหตุของความที่ทำไมตัวเองจึงปฏิบัติธรรมด้วยความยากลำบากเพราะจดหมายนี้นี่เอง ด้วยความสงสัยท่านจึงตัดสินใจเปิดอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต และก็พบข้อความประหลาดว่า ถึงกลางวันให้กินกลางวัน ถึงกลางคืนให้กินกลางคืน หมายความว่า ถ้าหากว่าชายหนุ่มผู้นี้ไปถึงกลางวันให้กินกลางวันแต่ถ้าเขาถึงกลางคืนก็ให้กินกลางคืน พระฤาษีแปลกใจที่พบข้อความเช่นนั้น ท่านจึงเข้าฌานและก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พระฤาษีคิดว่าเจ้าชายควรจะได้แต่งงานกับพระธิดาเมรี ซึ่งเป็นคู่บุญบารมีและบุพเพสันนิวาสให้ทั้งคู่ต้องมาเจอกัน และปกครองเมืองยักษ์แทนที่จะมาถูกยักษ์กินเสีย แล้วพระฤาษีก็เปลี่ยนข้อความใหม่เป็น "ถึงกลางคืนให้รับกลางคืน ถึงกลางวันให้รับกลางวัน ผัวแก้วผัวขวัญของเมรี" และแล้วพระฤาษีก็กลับไปที่ศาลาข้างๆอาศรมของท่าน ที่รถเสนได้นอนพักอยู่สักครู่แล้วก็ได้ตื่นขึ้นมา และได้พบกับรถเสนผู้ซึ่งบอกให้ท่านทราบเกี่ยวกับการเดินทางของตนไปเมืองยักษ์คชบุรี พระฤาษีอวยพรให้รถเสนโชคดีมีชัย รถเสนจึงได้ร่ำลาพระฤาษีแล้วก็ขี่ม้าพาชีออกเดินทางสู่เมืองคชบุรีต่อไป
เมื่อมาถึงชายแดนเมืองคชบุรี รถเสนพบกองทัพยักษ์เขาก็ตกใจเพราะยักษ์จะเข้ามาทำร้ายตนเองแลม้าของเขา เขาจึงทิ้งจดหมายลงไปบนกองทัพยักษ์ตามคำสั่งของนางสันทมารทันที และบอกว่าพวกเขาว่าเป็นจดหมายของนางสันทมารถึงเจ้าหญิงเมรี แล้วเหล่ายักษ์ก็ก้มศีรษะลงคำนับพร้อมทั้งรับจดหมายจากรถเสน และแล้วจดหมายก็ถูกนำไปมอบให้กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งดีใจมากที่เมื่อได้อ่านจดหมายของมารดาเลี้ยง แล้วก็รีบออกมาต้อนรับรถเสน นางสั่งให้สาวใช้นำอาหารคาวหวานมาให้เจ้าชายรถเสนเสวยให้อิ่มหนำสำราญ ด้วยรูปร่างที่งดงามของเจ้าชายรถเสนและบุพเพสันนิวาส จึงทำให้เป็นที่ประทับใจขององค์หญิงยิ่งนัก และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของพระมารดาองค์หญิงรับสั่งให้ประดับประดาพระนครเพื่อเตรียมอภิเษกสมรสของนางที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หลังจากอภิเษกสมรสได้อยู่กินกันอย่างมีความสุขของผัวหนุ่มเมียสาวข้าวใหม่ปลามันประมาณ ๗ เดือน ม้าพาชีได้รบเร้าและเตือนสติให้รถเสนกลับบ้านเมืองของตนเพราะเป็นห่วงมารดาและป้าๆ เพราะอาจจะทุกข์ทรมานและขาดคนดูแลเอาใจใส่ รถเสนก็รู้ดีและคิดคำนึงมาตลอดแต่พูดอะไรไม่ได้จนหัวอกแทบจะระเบิด จึงคิดหาอุบาย เพราะตอนนี้เขาเกิดเป็นห่วงและคิดถึงผู้เป็นมารดาและป้า ๆ ขึ้นมาแล้ว จึงบอกเจ้าหญิงเมรีว่าตนต้องการอากาศบริสุทธิ์ในพระราชอุทยาน แต่ความจริงแล้วเขามีแผนที่จะไปเอาผลไม้ที่สันทมารต้องการและสั่งมา และไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้ ในขณะที่เมรีและคนรับใช้ของนางกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการชมดอกไม้อยู่นั้น รถเสนก็แอบเด็ดผลไม้แล้วชวนองค์หญิงกลับพระนคร และสั่งให้คนรับใช้จัดเตรียมการเต้นรำและดนตรีเพื่อความบันเทิงของเมรีและตนเอง รถเสนมีแผนที่จะทำให้เมรีเมาสุรา เพื่อที่นางจะได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่เขาเกี่ยวกับดวงตาของมารดาและพวกป้า ๆ ของตน และสิ่งที่รถเสนคิดไว้ก็เป็นจริง เมื่อเมาขึ้นมาเมรีก็บอกที่ซ่อนดวงตาและยารักษาตาแก่เขา นางยังได้บอกเขาเกี่ยวกับยาวิเศษอื่น ๆ อีก ซึ่งแต่ละห่อก่อให้เกิดภูเขา ป่าไม้ ลม ไฟ ฝน เมฆ และมหาสมุทรน้ำกรด กับห่อยารักษาดวงตารวมแล้วมีทั้งหมด ๘ ห่อด้วยกัน
ครั้นถึงเวลาเที่ยงคืน หลังจากที่เมรีหลับสนิทแล้ว รถเสนก็เก็บดวงตาและยาทั้งหมดแอบหนีออกจากเมืองโดยขี่ม้าพาชีหนีไป เมื่อเมรีตื่นขึ้นมาไม่พบผู้เป็นสามีเมรีก็รีบตามไป เมื่อเข้าไปใกล้นางก็เข้าไปไม่ถึงตัวเพราะรถเสนโรยผงยาซึ่งก่อให้เกิดป่า และต้นไม้ใหญ่ขวางทางไว้ และด้วยความมั่นคงต่อความรักในสามีอย่างบริสุทธิ์ใจและแรงกล้า เมรีก็สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งปวงที่อุบัติขึ้นโดยยาวิเศษเหล่านั้นได้ ดังนั้นรถเสนจึงใช้ยาห่อสุดท้ายซึ่งก่อให้เกิดมหาสมุทรน้ำกรด แต่คราวนี้เมรีก็ไม่สามารถติดตามรถเสนได้อีก เมรียืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นและตั้งจิตอธิษฐานขอให้เกิดเป็นชายาของรถเสนอีกแล้วนางก็ฟุบลงกองกับพื้น หัวใจของนางแตกสลายเป็นเจ็ดภาคและสิ้นลมหายใจอยู่ ณ ตรงนั้นเอง โดยที่รถเสนไม่มีโอกาสรู้เลย เพราะตั้งใจว่าเมื่อช่วยมารดาและป้า และก็ได้ให้ผลไม้แก่นางยักษ์แล้ว ก็จะกลับมาอยู่กินเป็นสามีภรรยากับเมรีแต่ไม่ได้บอกความในแก่นางนั้นเอง เพราะพูดไม่ได้ว่าแม่เลี้ยงของเมรีทำร้ายแม่บังเกิดเกล้าและป้าของเขานั้นเอง ซึ่งเมรีไม่ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นที่กุตารนครแต่อย่างไดเลย ในขณะเดียวกัน หลังจากกลับมาถึงเมืองกุตารนครแล้วรถเสนก็รีบตรงไปพบมารดาและผู้เป็นป้าผู้ซึ่งเกือบจะสิ้นชีวิตเพราะความอดอยากหิวโหยอยู่แล้ว เนื่องจากพระราชาไม่รักษาคำสัญญาที่ทรงให้ไว้กับพระองค์ เพราะถูกอำนาจนางยักษ์สันทมารครอบงำไว้ แล้วก็ได้ใส่ดวงตาและยารักษาให้แม่และพวกป้าๆให้หายจากโลกที่มืดบอดกลับมามีตาดีและมองเห็นสิ่งต่างๆได้เหมือนเดิมแล้วก็ขออนุญาตเข้าไปในวัง
เมื่อนางสันทมารเห็นหน้ารถเสนก็ถึงกับสติแตกที่เห็นรถเสนที่ได้กลับมาอย่างปลอดภัยและรู้ว่าได้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยากับเมรีอีกด้วย และยังได้นำดวงตามารักษามารดาและป้าทั้งหมดจนหายดีเป็นปกติแล้วด้วย ก็โกรธมากจึงได้แปลงกายคืนร่างเป็นยักษ์หมายที่จะฆ่ารถเสนที่ได้ทำลายแผนการของนางจนพังพินาศหมดสิ้น ด้วยฤทธิ์และอำนาจของนางยักษ์นั้นสามารถที่จะฆ่ารถเสนและทหารรักษาพระองค์ให้พินาศไปทั้งพระนครได้อย่างสบาย แต่รถเสนมีกล่องดวงใจของนางยักษ์อยู่ในมือ เมื่อจะถูกทำร้ายก็ขยี้ดวงใจของนางยักษ์ทำให้นางยักษ์สิ้นชีพอยู่ตรงนั้นนั้นเอง
หลังจากหลุดพ้นจากอำนาจของนางยักษ์แล้ว พระราชาก็รับสั่งให้ปล่อยพี่น้องทั้งสิบสองคน และก็ทำพิธีขอโทษขอขมาพวกนาง และเชิญมาเป็นมเหสีเหมือนเดิม ทั้งหมดก็ให้อภัยและกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุข ซึ่งพระเจ้ารถสิทธิ์ก็จะหาเจ้าหญิงใดก็ได้ที่รถสิทธิ์ต้องการมาทำการอภิเษกให้รถเสนอภิเษกสมรสด้วย และยกราชสมบัติให้ปกครองแทนพระองค์ แต่รถเสนปฏิเสธโดยรถเสนจะกลับไปอยู่กินฉันสามีภรรยากับเมรีที่เมืองคชบุรีเท่านั้น จึงขออนุญาตพระบิดา พระมารดาและคุณป้าทั้งหมด แล้วก็รีบกลับไปหาเมรีที่เมืองคชบุรีทันที อนิจจา! เมื่อเดินทางมาถึงอย่างยากลำบาก และเหน็ดเหนื่อยอย่างมากนั้น แต่กลับได้รับฟังข่าวร้ายว่า เมรีหัวใจสลายสิ้นชีวิตตรงจุดสุดท้ายที่ไม่สามารถตามพระองค์ข้ามทะเลมหาสมุทรน้ำกรดไปได้นั้นเอง
รถเสนทราบดังนั้นก็หัวใจแทบสลาย เหมือนโลกหยุดหมุน รถเสนนั้นแสนรัก และซาบซึ้งในความรักและความห่วงหาอาลัยของเมรีภรรยาสุดที่รัก ผู้ซึ่งรักเขาอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจ ซึ่งเมรีเองไม่ได้รับทราบเรื่องราวใดๆของใครเลย รู้แต่ว่ารัก บูชา และเทิดทูนสามีสุดชีวิตจิตใจ และกตัญญูรู้คุณได้ปฏิบัติตามคำสั่งที่มารดาเลี้ยงผู้มีพระคุณอย่างสุดความสามารถแล้ว จึงเศร้าโศกเสียใจ และเห็นใจเมรียิ่งนัก ด้วยความรักและความสงสารภรรยาคนดีและน่าสงสารจนสุดหัวใจ และแล้วพระองค์ก็ทำอัตวินิบาตกรรมกลั้นใจตายที่เมืองคชบุรี ที่ซึ่งเคยเป็นรังรักและเรือนหอของพระองค์กับเมรีผู้จากไปแล้วนั้นเอง และม้าพาชีก็ไม่ยอมกินน้ำและอาหารใดๆด้วยอาลัยในพระรถเสนผู้เป็นนายที่จากลาไป แล้วก็สิ้นใจตามรถเสนไปเหมือนกัน สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวคชบุรียิ่งนัก และเมื่อข่าวและเรื่องราวของพระรถเสนกับเมรีมาถึงกุตารนคร พระบิดา พระมารดา และป้าๆก็โศกเศร้าเกินบรรยาย ต่างสงสารและอาลัยในลูกชายและลูกสะใภ้ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าคนนั้นเลย ทำให้เป็นทุกข์และทรมานมาก จึงได้ทะยอยสวรรคตตามไปจนหมดทั้งสิบสองนาง
จริงๆแล้วรถเสนนั้นมีความรักต่อเมรีมาก แต่ที่ต้องทำดังนี้ ก็เพราะต้องการช่วยมารดาและป้าของตนก่อน และก็ไม่สามารถบอกหรือพูดความจริงอะไรได้เลย ทั้งที่อัดแน่นในอกจนแทบจะระเบิดออกมา แต่ก็ต้องระงับไว้ก่อนเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นก่อน แล้วจะกลับมาสารภาพและยอมรับผิดทุกอย่างที่ได้กระทำลงไป แม้แต่การมอมเหล้าภรรยาผู้ไม่เคยดื่มสุราเลยก็ตาม
กล่าวกันว่า ทั้งคู่ได้ตั้งจิตอธิษฐานให้ได้เกิดเป็นสามีภรรยากันและกันอีกในชาติต่อๆไปในอนาคต ซึ่งในขณะที่เมรีไปเกิดเป็น มโนราห์ เจ้าชายรถเสนไปเกิดเป็น พระสุทน และเป็นตำนานหรือนิทานอีกเรื่องหนึ่งชื่อว่า "พระสุทน-มโนราห์" และเรื่องราวของ พระรถ - เมรีก็จบลงเพียงเท่านี้...พบกันใหม่อีกครั้งใน พระสุทน - มโนราห์
คำอธิษฐานของเมรีก่อนตาย
...ชาตินี้มีกรรมน้องตามมา ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไป
ชาตินี้น้องตามตามพี่มา ชาติหน้าให้พี่ยาตามน้องไป
(พบกับการผจญภัยและการเผชิญชะตากรรมของพระสุทนที่ต้องติดตามมโนราห์ได้ใน พระสุทน-มโนราห์)
..............................................................................
หมายเหตุ : พระอริยะเจ้าผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน อดีต และอนาคต ท่านสอนไว้บ่อยๆว่า กฏแห่งกรรมและประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเดิม วนเวียนกันไปในสังสารวัฏนี้ อย่างมิรู้จบรู้สิ้น จนกว่าจะบรรลุพระนิพพานกันแล้วนั้นเอง
๑. พระเจ้ารถสิทธิ์ซึ่งหลงใหลในมเหสี คือ นางสันทมาร (เพราะโดนมอมเมาโดยยาเสน่ห์และอิทธิฤทธิ์ของยักษ์ทำให้หลงเสน่ห์ของนางยักษ์แปลง) จนออกคำสั่งควักลูกตาของเมียทั้งสิบสองนาง ทำให้พระเจ้ารถสิทธิ์เกิดมาชาติใดก็ต้องตาบอด โดยในบางชาติก็ตาบอดทั้งสองข้าง บางชาติก็ตาบอดข้างเดียว อันเป็นผลมาจากกรรมอันนั้น
๒. นางทั้งสิบสองและนางยักษ์สันทมาร ล้วนเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกันและกัน และเกี่ยวข้องกับพระเจ้ารถสิทธิ์เหมือนเดิม คือเกิดเป็นภรรยา บริวาร และลูกหลาน เป็นต้น
๓. ท้าววัตตา หรือ ท้าวชินวัด ก็ตามจองเวรพระเจ้ารถสิทธิ์เหมือนเดิม คือ อยากได้บ้านเมืองของพระเจ้ารถสิทธ์เหมือนเดิม โดยออกอุบายและใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ซึ่งได้ร่วมมือและวางแผนร่วมกับนางยักษ์สันทมารเหมือนเดิม
๔. ถ้ำนางสิบสอง ลานชนไก่ และสระ(บ่อน้ำ)พระรถเสน อยู่ที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน
๕. จุดที่ฤาษีแปลงสาส์นของพระรถเสน อยู่ในเขตอำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทราในปัจจุบัน
๖. เมืองกุตารนครของพระเจ้ารถสิทธิ์อยู่ในเขตจังหวัดจันทบุรีในปัจจุบัน
๗. เมืองคชบุรี ของนางยักษ์สันทมารและเมรี อยู่ในเขตจังหวัดเพชรบุรีในปัจจุบัน
๘. ม้าพาชี เป็นเทวดาที่ลงมาเกิดเพื่อสร้างบุญบารมีและรับใช้พระรถเสน
๙. จุดสุดท้ายที่เมรีติดตามพระรถเสนและเป็นบริเวณที่เมรีสิ้นใจ(อกแตกตาย) คือ บริเวณวัดบ้านแหลม(วัดเพชรสมุทรวรวิหาร) อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามในปัจจุบัน (แปลกแต่จริง! ที่แห่งนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาก คือ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ประดิษฐานอยู่)
๑๐. บริเวณที่พระรถเสนกลั้นใจตายตามเมรีไปที่เมืองคชบุรี คือ บริเวณวัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ( แปลกแต่จริง! ที่แห่งนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาก คือ หลวงพ่อวัดเขาตะเครา ประดิษฐานอยู่ )
๑๑. พระฤาษีที่แปลงสาส์นของนางยักษ์สันทมารเพื่อช่วยเหลือพระรถเสนและเมรีในครั้งนั้น ก็ได้กลับชาติมาเกิดเป็นพระอริยะเจ้าผุ้ยิ่งใหญ่และประเสริฐมากแห่งภาคตะวันออก ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องและขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก และ เทพเจ้าแห่งขุนเขาคิชฌกูชนั้นเอง
๑๒. นางยักษ์สันทมารในกาลโน้น เป็นเจ้ากรรมนายเวรของพระรถเสนและพระฤาษี ซึ่งได้อาฆาตและได้ตามจองล้างจองผลาญพระรถเสนและพระฤาษีทุกภพทุกชาตินั้นเอง
ศิษย์ตถาคต
๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕
http://www.youtube.com/watch?v=VZo-zWzCSZU&feature=related